ในเดือนก.ค.66 ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36.0 จาก 35.0 ในเดือนมิ.ย.66 ขณะที่ดัชนีฯ 3 เดือนข้างหน้ายังคงทรงตัวที่ 38.8 จาก 38.6 ในเดือนมิ.ย.66 โดยการเพิ่มขึ้นของดัชนีในเดือนก.ค. เป็นผลจากการปรับเพิ่มขึ้น (กังวลลดลง) ในทุกองค์ประกอบของดัชนีฯ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งมีแรงหนุนจากการกลับมาฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ
ณ สิ้นเดือนก.ค.66 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศราว 15.3 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อเนื่องไปยังรายได้และการจ้างงานของครัวเรือนให้ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยว สะท้อนผ่านผลสำรวจภาวะการทำงานของประชากรในไตรมาส 2/2566 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้มีงานทำในภาคบริการและการค้ามีเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.8%YoY โดยขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 6
ติดต่อกัน ขณะที่ผู้มีงานทำในภาคอื่น ๆ อาจฟื้นตัวไม่ดีเท่าหรือหดตัว อาทิ ภาคเกษตรกรรม สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีลักษณะไม่ทั่วถึง ทั้งนี้ จากผลสำรวจเพิ่มเติมของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับสถานการณ์จ้างงานในองค์กรของครัวเรือนในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ครัวเรือนส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงใด ๆ ในองค์กร ขณะที่การชะลอการรับพนักงานใหม่ การลดเวลาการทำงานล่วงหน้า (OT) และการเลิกจ้างมีสัดส่วนลดลงแสดงถึงทิศทางการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานไทยจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในเดือนก.ค.66 ครัวเรือนไทยมีระดับความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) ลดลง แม้ว่าราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงผันผวนและปรับสูงขึ้นในเดือนก.ค.66 แต่ราคาพลังงานเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ในประเทศยังถูกตรึงไว้ที่ระดับเดิม อาทิ ราคาก๊าซหุงต้มยังอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร และค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 อยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย และงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.66 มีแนวโน้มจะปรับลดลงที่ระดับ 4.45 บาทต่อหน่วย
ดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจเดือนพ.ค.ร่วง จากท่องเที่ยวซบ หมดมาตรการกระตุ้น
ธปท.เผยผลสำรวจผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองการเมืองส่งผลต่อลงทุนน้อย
นอกจากนี้ ครัวเรือนมีความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินลดลงโดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ระบุว่า ยอดผ่อนบัตรเครดิตจากการซื้อสินค้าคงทนหมดลง อีกทั้ง มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมาก็อาจช่วยคลายความกังวลของครัวเรือนที่มีต่อภาระหนี้สินได้ในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้มีการสำรวจเพิ่มเติมถึงประเด็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะการครองชีพของครัวเรือนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยประเด็นที่ครัวเรือนมีความกังวลมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
- ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง เช่น ค่าไฟฟ้า เป็นต้น 74.9%
- รายได้และการจ้างงาน 50.7% และ
- ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เช่น ก่อหนี้เพิ่ม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูง เป็นต้น 38.1%
นอกจากนี้ ครัวเรือนมีความกังวลในประเด็นอื่น ๆ รองลงมาตามลำดับ ได้แก่ สุขภาพของตนเองและครอบครัว (37.8%) และความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลอาจมีผลต่อการดำเนินนโยบายต่าง ๆ (34.5%) การนำเงินออมออกมาใช้มากขึ้น (20.0%) และผลกระทบจากสภาพอาหารที่แปรปรวน เช่น ผลผลิตทางการเกษตรลดลง เป็นต้น
ในระยะข้างหน้าก็คาดว่า ดัชนี KR-ECI จะยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างเปราะบาง เนื่องจากแม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องโดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญที่จะเข้ามาหนุนรายได้และการจ้างงานของครัวเรือน อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยท้าทายอื่นๆ ที่อาจเข้ามากระทบต่อดัชนีฯ ในระยะข้างหน้า ทั้งปัจจัยภายนอกประเทศอย่างการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้ามากดดันภาคการส่งออกของไทย และการส่งผ่านต้นทุนทางการเงินจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนจากการส่งผ่านต้นทุนผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลของปรากฎการณ์เอลนีโญในระยะข้างหน้า และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังคงอยู่ในสภาวะสุญญากาศก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
สรุปแล้ว ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ปัจจุบัน (เดือนก.ค.66) ปรับตัวดีขึ้นที่ 36.0 จาก 35.0 ในเดือนมิ.ย.66 ขณะที่ดัชนี 3 เดือนข้างหน้ายังทรงตัว 38.8 โดยครัวเรือนลดระดับความกังวลในทุกองค์ประกอบ อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไปแม้ว่าดัชนีฯ ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้จากภาคท่องเที่ยวที่จะหนุนรายได้และการจ้างงาน แต่เป็นการฟื้นตัวที่เปราะบางท่ามกลางปัจจัยท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังต้องติดตาม