นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตรา การจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. …. (ร่างกฎกระทรวงฯ) ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างกฎกระทรวงฯ ได้ปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดของสมาชิก และจำนวนเงินสมทบสูงสุดที่รัฐบาลจ่ายให้สมาชิก โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค.66 เป็นต้นไปคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ มีรายละเอียด ดังนี้ การปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดของสมาชิก โดยปรับเพิ่มเงินสะสมสูงสุดจากปัจจุบัน 13,200 บาทต่อปี เป็น 30,000 บาทต่อปี โดยรับประกันผลตอบแทนเต็มจำนวนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนการปรับเพิ่มจำนวนเงินสมทบสูงสุดจากรัฐบาล จะแบ่งตามอายุสมาชิก อายุ 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี จะได้รับอัตราส่วนเงินสมทบจากรัฐบาลต่อเงินสะสม 50% หรือรับเงินสมทบสูงสุดจาก 600 บาท เพิ่มเป็น 1,800 บาท อายุเกิน 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี จะได้รับอัตราส่วนเงินสมทบจากรัฐบาลต่อเงินสะสม 80% หรือรับเงินสมทบสูงสุดจาก 960 บาท เพิ่มเป็น 1,800 บาท อายุเกิน 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี จะได้รับอัตราส่วนเงินสมทบจากรัฐบาลต่อเงินสะสม 100% หรือรับเงินสมทบสูงสุดจาก 1,200 บาท เพิ่มเป็น 1,800 บาท
“เงินสะสมและเงินสมทบที่สูงขึ้น จะทำให้สมาชิก กอช. มีเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคตให้มีเงินเพียงพอในการดำรงชีพยามชราภาพ โดยสมาชิก กอช. ที่เริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และออมต่อเนื่องจนถึงอายุ 60 ปี จะมีโอกาสได้รับเงินบำนาญประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน จากเดิมประมาณ 5,300 บาทต่อเดือน ในกรณีส่งเงินสะสมเต็มเพดานเงินสะสม โดยเงินบำนาญที่คาดว่าจะได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในบัญชีประกอบด้วยเงินสะสมของสมาชิก เงินสมทบจากรัฐ และผลตอบแทนจากการนำเงินดังกล่าวไปลงทุน”
“การปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดและจำนวนเงินสมทบสูงสุดดังกล่าว จะเป็นการสนับสนุน การออมของแรงงานนอกระบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม เพิ่มแรงจูงใจในการออม รวมทั้งเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงอายุโดยส่งเสริมให้กลุ่มเยาวชนมีการออมเพื่อการเกษียณเร็วขึ้น”.